
ธาดาคลินิกเวชกรรม
ผลัดเซลล์ผิว

ผิวหนังจะมีการผลัดเซลล์หรือ Skin Cycle ทุกๆประมาณ 28 วัน โดยเซลล์เก่าหรือเซลล์ผิว
ที่เสื่อมสภาพจะถูกผลัดออก และเซลล์ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นใต้ชั้นผิวลึก จะค่อยๆดันตัวขึ้นมาจนถึงผิวชั้นนอกสุด แทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ถูกผลัดออก
โดยผิวชั้นหนังกำพร้าจะมีอายุประมาณ 14 วัน หลังจากนั้นจะหลุดออกไปในรูปแบบของขี้ไคล และผิวจะใช้เวลาอีก 14 วัน ในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่หลุดไป ฉะนั้นการผลัดเซลล์ผิวจึงใช้เวลาทั้งหมด 28 วัน
การผลัดเซลล์ผิวโดยการทำทรีทเมนท์เป็นการกระตุ้นผิวให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวที่เร็วขึ้น จึงเผยผิวใหม่แข็งแรง และช่วยลดปัญหาสิว รอยสิว หลุมสิว ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระและจุดด่างดำต่างๆ
การผลัดผิวเซลล์ ชนิด Chemical Peel
การผลัดผิวเซลล์โดยใช้สารเคมีเพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการผลัดเซลล์ผิวที่เร็วขึ้ยโดยแพทย์ผิวหนัง แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1. ลอกผิวชั้นนอกสุด (Superficial Peel) สูตรเฉพาะของธาดาคลินิก
Blue Peel เป็นการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีชนิดอ่อน เหมาะสำหรับกลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากมีผิวค่อนข้างบาง ใช้สำหรับรักษาสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว และยังใช้ในการรักษาฝ้าที่เป็นไม่มากนัก หลังทำอาจมีการลอกเป็นขุยแต่บางรายอาจไม่มีการลอกเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและสามารถทำได้ทุก 2 สัปดาห์
Yellow Peel เป็นการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีระดับกลาง ช่วยเปิดรูขุมขน รักษาสิว รอยดำจาก
สิวฝ้า ในระยะเริ่มต้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยไม่มากนัก สามารถทำได้ทุก 2 สัปดาห์และ
เห็นผลภายใน 1 - 3 เดือน
2. ลอกผิวลึกระดับปานกลาง (Medium Peel)
TCA (Trichloroacetic Acid) Peel เป็นการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีระดับลึก มีความเข้มข้น
หลายระดับ ขึ้นอยู่กับการรักษาและสภาพผิวซึ่งแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ใช้ในการรักษาฝ้า สิว และ
ปรับสภาพผิวให้ผิวสว่างขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและแต่งตึง สามารถ
ทำกับผิวส่วนอื่นนอกเหนือจากบริเวณใบหน้าได้ เช่น รักษาสิวและรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวบริเวณหลัง ภายหลังการทำจะมีการลอกของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สามารถทำได้ทุก 4 สัปดาห์
3. ลอกระดับลึก (Deep Peel)
มักนิยมใช้สารฟีนอล (Phenol) แต่ความเข้มข้นสูง ซึ่งพบปัญหาแทรกซ้อนพบมาก เช่น หน้าดำ มีแผลบริเวณใบหน้า คล้ายแผลน้ำร้อนลวก การเลือกใช้สารในการผลัดเซลล์ผิวขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้า ปัญหาผิวเป็นสิ่งสำคัญโดยแพทย์จะจะเป็นผู้พิจารณาเพื่อให้ผิวหน้าคนไข้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด