
ธาดาคลินิกเวชกรรม
สิวอักเสบ

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) แบ่งออก 3 ชนิด
สิวหัวแดง (Red papules) คือสิวที่เกิดอาการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย C. acnes และแบคทีเรียชนิดแกรมบวก (Gram-positive bacteria)
สิวหัวหนอง (Pustules) คือสิวที่เกิดการอักเสบจาดเชื้อแบคทีเรียชนิดแกรมลบ (Gram-negative bacteria) ซึ่งมีการอักเสบที่รุนแรงกว่า หรืออาจเกิดจากเชื้อ Staphylococcus aureus ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดแกรมบวก
สิวหัวช้าง (Cystic acne) คือสิวที่มีลักษณะเป็นซีสต์ (Cyst) หรือถุงน้ำ การเกิดสิวหัวช้างคล้ายกับการเกิดสิวหัวขาวแต่อักเสบกว่าและลุกลาม เป็นเม็ดนิ่มขนาดใหญ่และมีหนอง
วิธีการป้องกันและรักษาสิว
1. การใช้ยา ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผิวหนัง และต้องรับประทานยาให้ครบปริมาณตามคำสั่งของแพทย์เพื่อป้องกันการดื้อยา
ยาในกล่มต้านเชื้อแบคทีเรีย (Anti-biotic)
ยากลุ่มวิตามินเอสังเคราะห์ (Retinoid) เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม BHA (Salicylic Acid) , PHA (Gluconolactone) , LHA (Capryoyl Salicylic Acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก และสารกลูแคน (Glucan) หรือแอลลันโดอิน (Allantoin) ช่วยให้สมานแผลให้หายเร็วขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนสภาพผิวหน้าให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของยีสต์ ซึ่งเป็นตัวการให้เกิดอักเสบบริเวณรูขุมขน
4. หมั่นดูแลความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำ โดยล้างหน้าวันละ 2-4 ครั้ง ตามสภาพผิวด้วยเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน ทำความสะอาดผิวได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ควรถูหรือนวดหน้าแรงๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ต่อมไขมันแตกและเกิดการอักเสบได้